สัญญาจ้างทำของนั้น ป.พ.พ. มาตรา มาตรา 587 บัญญัติว่า “อันว่าจ้างทำของนั้นคือ สัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า”ผู้รับจ้าง” ตกลงทำการงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสำเร็จให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า”ผู้ว่าจ้าง” และผู้ว่าจ้างตกลงจะให้สินจ้างเพื่อผลสำเร็จแห่งการที่ทำนั้น” กฎหมายไม่ได้บังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือ เพียงแต่คู่สัญญาตกลงว่าจ้างและรับจ้างแล้ว สัญญาย่อมเกิดขึ้น
ส่วนสัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัยนั้น กฎหมายบังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือ ตามมาตรา 25 พ.ร.บ. ธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. 2558 มิฉะนั้นเป็นโมฆะ ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษ เพื่อควบคุมธุรกิจการให้บริการรักษาความปลอดภัย ที่มีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับความปลอดภัยในชีวิติ ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชน และส่งผลต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม
ดังนั้น สัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัยจึงไม่อยู่ในบังคับของ ป.พ.พ. มาตรา มาตรา 587 และต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. 2558
หมายเหตุ สัญญาจ้างทำของ ไม่มีแบบ แต่สัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัยนั้น มีแบบคือ ต้องทำเป็นหนังสือตามมาตรา 25 พ.ร.บ. ธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. 2558 มิฉะนั้นเป็นโมฆะ ยกตัวอย่าง (ฎีกาที่ 92/2565 ประชุมใหญ่)
สัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัยมีเพียงบริษัทรักษาความปลอดภัยลงลายมือชื่อในฐานะผู้รับจ้าง ส่วนผู้ว่าจ้างไม่ได้ลงลายมือชื่อ แม้จะเป็นสัญญาจ้างทำของซึ่งตาม ป.พ.พ.มาตรา 587 มิได้บังคับว่าจะต้องทำเป็นหนังสือมิฉะนั้นจะตกเป็นโมฆะ แต่ พ.ร.บ.ธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ.2558 มาตรา 25 วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษโดยเฉพาะระบุไว้ว่าให้ตกเป็นโมฆะ จึงไม่อาจนำป.พ.พ.มาตรา 587 มาใช้บังคับแก่การให้บริการรักษาความปลอดภัยได้ ผู้ว่าจ้างจึงต้องคืนทรัพย์สินอันเกิดจากโมฆะกรรมแก่ผู้รับจ้างตาม ป.พ.พ.มาตรา 172 วรรคสอง ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยลาภ มิควรได้มาใช้บังคับ การรักษาความปลอดภัยเป็นการให้บริการอย่างหนึ่งอยู่ในความหมายของคำว่าทรัพย์สิ่งใดที่สามารถคืนกันได้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 406 เมื่อผู้รับจ้างให้บริการรักษาความปลอดภัย 2 เดือน ผู้ว่าจ้างจึงต้องรับผิดชำระเงินเท่ากับค่าบริการรักษาความปลอดภัย 2 เดือน พร้อมดอกเบี้ยผิดนัด